thai-lakorn-fan-forever
sarNie Oldmaid
could someone please translate this article? i can't read Thai... thanks! oh, by the way, there are photos also on the site that i got this from (a multiply page), so i'll post the link later...
"ริต้า"ไม่อยากดัง จุดหมายคือผลงาน - นสพ.ข่าวสด Apr 6, '09 9:57 AM
for everyone
"ริต้า"ไม่อยากดัง จุดหมายคือผลงาน
กลายเป็นสาวเนื้อหอม งานแสดงตอม สำหรับสาวลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก "ริต้า"ศรีริต้า เจนเซ่น ที่ขณะนี้กำลังมีผลงานละครเรื่อง "สุสานภูเตศวร" ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3
และยังมีงานละครเรื่อง "ปราสาทมืด" และ "มงกุฎแสงจันทร์" ที่กำลังถ่ายทำอยู่
แต่ถึงจะมีคิวงานแน่น เธอก็ยังเจียดเวลาในตอนพักกองมานั่งคุยกับเรา ในบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง
-มีอยู่ช่วงที่ริต้าเงียบหายไป?
ริต้า - "ตอนนั้นริต้ายังไม่แน่ใจว่าอยากทำตรงนี้ มันคืออาชีพที่เราคิดว่าทำเล่นๆ ตอนนั้นเด็กมากค่ะ แต่พอโตขึ้น รู้สึกว่าพอยิ่งทำมันยิ่งใช่ เริ่มสนุก มีความสุข มันเป็นสิ่งที่ค่อยๆ มาค่ะ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ค้นหาตัวเอง ค้นอยู่นานเลย เพราะช่วงนั้นริต้าบินไปเรียนต่างประเทศด้วย และมีงานต่างประเทศค่อนข้างเยอะ ได้ถ่ายโฆษณา ได้เล่นเอ็มวี ได้เดินแบบต่างประเทศ เรียกช่วงนั้นว่าไปหาประสบการณ์ พอเรียนจบก็มีความคิดชัดเจนมากขึ้น"
-ทำงานต่างประเทศมาเยอะ พอกลับมาทำงานเมืองไทยต่างกันไหม?
ริต้า - "แตกต่างอย่างแรกเลย คือวัฒนธรรมค่านิยม ความคิด คนไทยจะเซ้นซิทีฟมาก เริ่มจากที่นิสัยจะไม่เหมือนกัน ทำงานที่เมืองไทยมันค่อนข้างกดดันตัวเองในด้านที่มีชื่อเสียง คนจะคาดหวังว่าสิ่งที่เราทำจะต้องดีไปหมด จะต้องอยู่ตามมาตรฐานที่วางไว้ เหมือนเราถูกวางไว้แล้ว แต่ถ้าเราทำไม่ได้อย่างที่เขาต้องการ เขาก็อาจจะผิดหวังในตัวเรา อันนี้คือสิ่งหนึ่งที่ริต้าเห็นที่รู้สึกได้ ความมีชื่อเสียงมันวางกรอบให้เราโดยอัตโนมัติ"
"อย่างเมืองนอกเขาไม่รู้จักว่าเราเป็นใคร เขารอดูสิ่งที่เราทำ กับโจทย์ที่เขาให้แล้วเราทำกลับมาได้มากแค่ไหน เขามองแค่นั้น แต่อย่างเมืองไทยเขาให้โจทย์เรามา เขาได้วางบรรทัดฐานไว้แล้วว่ามันต้องเท่านี้ ตรงนี้มันก็ทำให้เรารู้สึกกดดัน ซึ่งมันยิ่งทำให้เราต้องทำการบ้านให้เยอะ ห้ามพลาด เพราะถ้าพลาดครั้งเดียวแล้วอาจโดนเหยียบซ้ำได้"
-ด้วยความที่มีชื่อเสียงเราต้องระวังตัวไหม?
ริต้า - "พ่อสอนอยู่เสมอว่ามีความสุขอะไรก็ทำไปเถอะ อย่าเอาความคิดคนอื่นมาตัดสินชีวิตเรา พ่อสอนริต้าแบบฝรั่ง ฝรั่งเวลาทำอะไรเขาจะไม่แคร์ ทำแล้วขอให้มีความสุข เพราะชีวิตมันสั้นมาก ไม่ต้องเอาคนอื่นมาเป็นบรรทัดฐานของเรา หรือว่าเอาคนอื่นมาตัดสินไลฟ์สไตล์ของเราว่าดีหรือไม่ดี ตัวเราเป็นคนตัดสินเอง"
"แต่ริต้าก็มีความเป็นไทยเยอะมาก เพราะคุณแม่เป็นคนไทย แล้วท่านจะสอนความเป็นกุลสตรีไทย ขนาดว่าริต้านั่งเอาขาพาดบนโซฟาที่บ้านเขาตีเลยนะ กินข้าวไม่หมด คุณแม่ก็จะนั่งเทศน์ยาวเลยค่ะ"
-ด้วยเหตุนี้ถึงจะเป็นลูกครึ่งแต่ก็มีความเป็นไทยเต็มร้อย?
ริต้า - "ใช่ค่ะ ริต้าเป็นคนที่มีวัฒนธรรมไทยสูงมาก สิ่งที่ริต้าทำอยู่ทุกวันนี้คือริต้าอยู่เมืองไทยก็พยายามเคารพความเชื่อของคนไทย ความเชื่อในเรื่องความดีงาม รักนวลสงวนตัว ถ่ายโป๊หรืออะไรอย่างนี้ เพราะคุณแม่ไม่ชอบเลย ตอนเด็กๆ ต้องถ่ายแบบกับนายแบบแล้วต้องกอดผู้ชาย แม่เห็นท่านก็ว่า อะไรพวกนี้มันทำให้ริต้ารู้สึกว่ามันไม่สมควร ไม่ถูกต้อง และมันทำให้ริต้ารู้ว่าคนไทยเขาคิดกันอย่างไร"
-เพราะอย่างนี้เลยไม่ค่อยเห็นริต้าแต่งตัวเซ็กซี่เวลาเดินแบบหรือถ่ายแฟชั่น ทั้งที่ริต้าเป็นนางแบบหรือเปล่า?
ริต้า - "เพราะริต้าไม่ใช่คนเซ็กซี่ แต่ก็มีบ้าง แต่ไม่เยอะ จริงๆ ตอนนี้ริต้าโตแล้วจะถ่ายก็ถ่ายได้ แต่บางทีอาย(หัวเราะ) เราไม่มั่นใจ ริต้าเป็นคนที่ไม่ถ่ายถ้าไม่จำเป็น อย่างชุดชั้นในของริต้า จำเป็นต้องถ่าย เพราะเราเป็นคนออกแบบ และเราก็อยากนำเสนอมัน แต่เราไม่จำเป็นต้องไปถ่ายเซ็กซี่หรือถ่ายหวือ เพราะเราไม่อยากจะเป็นเซ็กซี่สตาร์ เราอยากให้คนเห็นความสามารถของเรามากกว่าภาพโป๊ๆ หรือว่าเห็นหน้าอกเราประมาณนั้น อยากให้คนโฟกัสที่ผลงานมากกว่าดูที่หน้าอกว่าใหญ่ขนาดไหน"
-มีวิธีครองตัวให้อยู่ในวงการนี้ได้นานๆ อย่างไร?
ริต้า - "ริต้าว่าต้องตั้งใจทำงานค่ะ ริต้าไม่ใช่นักแสดงที่เก่งกาจอะไร แต่ริต้าพยายามทำให้มันดีที่สุดเต็มความสามารถ ริต้าอยากจะพัฒนาตัวเอง ริต้ามีข้อเสียเยอะนะคะ อย่างเรื่องเสียง เสียงริต้าง้องแง้ง ริต้าก็ต้องพยายามพัฒนาทุกอย่างที่มันเป็นจุดบกพร่องของเรา ริต้าว่าอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สังคมไทยสอนมาดีมากคือ การอ่อนน้อมถ่อมตน ตรงนี้สำคัญมาก ตรงต่อเวลาและก็ให้เกียรติคนที่เราทำงานด้วย"
-วางแผนชีวิตในวงการไว้อย่างไรบ้าง?
ริต้า - "ไม่ได้วางแผนเลย ริต้าเป็นคนที่ไม่ได้วางแผนกับอะไรเลยด้วยซ้ำ เป็นคนที่ไม่มีแผนการกับชีวิต ไม่ค่อยคิดถึงอนาคต ที่จะคิดก็คือคิดถึงปัจจุบัน วันนี้พรุ่งนี้ นั่นจึงเป็นข้อเสียของริต้า ริต้าจึงต้องมีคนมาจัดการเรื่องเวลา เรื่องงานให้ เพราะริต้าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีระบบระเบียบ มีความสุขที่จะทำอะไรก็ทำ บางช่วงจึงเห็นว่าริต้าหายไปเพราะอยากจะชาร์จแบตฯ ไปเติมพลัง ไปหาอะไรใหม่ๆ กลับมา ริต้าจะมีบ้านอีกหลังอยู่ที่เดนมาร์ก ริต้าชอบกลับไปมาก เพราะครอบครัวริต้าอยู่ที่โน่นเยอะ แล้วอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตริต้าก็อยู่ที่โน่น"
-เคยคิดเล่นๆ ไหมว่าสุดท้ายแล้วบั้นปลายชีวิตอยากจะอยู่ที่โน่นหรือเมืองไทย?
ริต้า - "ไม่ได้คิดค่ะ อย่างที่บอกริต้าไม่วางแผน ถามว่าตอนนี้ริต้าอยากกลับไปมั้ย ก็อยากกลับไปแค่ซัมเมอร์ แต่โฟกัสของริต้าก็ยังอยู่ที่งานอยู่ดี ก็คงจะกลับมาทำงานที่นี่ ริต้ารู้สึกว่าริต้าเป็นคนไทย อาจเป็นเพราะเพื่อนๆ ก็อยู่เมืองไทย คุณแม่ก็อยู่เมืองไทย"
-ดูริต้าเป็นคนที่มีชีวิตเรียบง่ายมากๆ
ริต้า - "ริต้าชอบชีวิตเรียบง่ายมากกว่า ถึงได้บอกว่าเราเลือกที่จะเป็นอย่างที่เราต้องการได้ อย่างบางคนเขาอยากให้ชีวิตมีอะไร เขาก็ทำของเขาได้ แต่ตัวริต้าชอบชีวิตที่เรียบง่าย สบายๆ ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก ปวดหัว"
-ถ้าพูดว่าอยากทำงานในวงการบันเทิง แต่ไม่อยากเป็นข่าวได้ไหม?
ริต้า - "ริต้าไม่ได้มองว่าไม่อยากเป็นข่าว แต่มองว่าไม่อยากดังมากกว่า ริต้าอยากจะทำงานตรงนี้ แต่ก็ไม่ได้อยากเป็นดาราดังอะไรอย่างนั้น จุดมุ่งหมายคืออยากให้คนชอบในผลงาน ยอมรับในความสามารถ อยากให้คนจดจำที่ผลงานค่ะ"
-อยากให้คนมองว่าเราเป็นนักแสดงมากกว่าดารา ถูกไหม?
ริต้า "ใช่ค่ะ แล้วริต้าก็อยากจะเป็นนักแสดงที่ดีด้วย ริต้าว่านักแสดงเป็นง่าย แต่นักแสดงที่ดีเป็นยาก"
หวงเรื่องส่วนตัว
แม้ช่วงวัยเด็กจะย้ายไปย้ายมาหลายประเทศ ด้วยคุณพ่อเป็นวิศวกร แต่ดาราสาว "ริต้า"ศรีริต้า เจนเซ่น ก็ผูกพันกับเมืองไทยมากกว่า
ตอนเล็กๆ ริต้าเป็นเด็กที่ซนแต่ไม่มาก ชอบเล่นกีฬาจนฟกช้ำกลับมาบ้านแทบทุกวัน
เรื่องเค้าความเป็นดาราไม่ต้องพูดถึง เธอไม่มี และไม่อยากเป็น
"ตอนเด็กๆ ริต้าไม่ได้อยากเป็นดารา ถือว่าฟลุกมากกว่า พอดีตอนนั้นไปเวิลด์เทรด เจอพี่โมเดลลิ่งเขาก็เข้ามาทักและขอถ่ายรูป เอารูปเราไปส่งที่โฆษณา ตอนนั้นอายุ 12-13 ริต้าก็ได้ไปแคสต์โฆษณา ครั้งแรกก็ได้เลย ไปเหมือนว่าอยากลองค่ะ"
หลังจากได้งานโฆษณาชิ้นแรกแล้ว ก็มีงานชิ้นต่อๆ ไป และมีงานอื่นๆ ตามมาแบบไม่คิดไม่ฝัน
"ตอนนั้นคิดว่าจะรับงานโฆษณาชิ้นเดียว ไม่คิดที่จะยึดอาชีพนี้ แต่ไปๆ มาๆ มีงานโน่นนี่นั่นติดต่อมาเรื่อยๆ เราไม่ได้อยากเป็นคนมีชื่อเสียงหรืออยากเป็นดารา แค่รู้สึกว่าหาเงินได้เองและซื้อในสิ่งที่อยากได้ ให้พ่อให้แม่ แต่คุณพ่อคุณแม่บอกว่าถึงอย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ"
พูดถึงพ่อแม่ ดูเหมือนว่าริต้าจะเป็นคนที่หวงเรื่องครอบครัว ไม่อยากให้ใครเข้าไปแตะ เจ้าตัวแย้ง
"ริต้าไม่ได้หวงเรื่องครอบครัวเลย ริต้าว่าริต้าหวงเรื่องส่วนตัวของริต้ามากกว่า คนที่มาทำงานตรงนี้ริต้าก็อยากให้คนมองแค่เรื่องงานของเรา เรื่องส่วนตัวก็ไม่อยากจะพูด เพราะพ่อแม่ท่านก็ไม่ได้มาเป็นดาราอย่างริต้าด้วย ฉะนั้นริต้าก็ต้องให้ความเป็นส่วนตัวกับท่านค่ะ บางทีแล้วเขาไม่อยากที่จะมาอยู่ตรงนี้"
ถึงจะไม่อยากให้ใครมาแตะเรื่องส่วนตัว แต่เธอก็ไม่พ้นมีข่าวคราว โดยเฉพาะเรื่องความรัก
แรกที่โดนถามเรื่องความรัก ริต้าบอกความรู้สึก "ไม่ชอบค่ะ บางทีเราก็ไม่ได้มีไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ถ้าเขาอยากรู้จริงๆ ก็สามารถตอบได้อยู่แล้ว เพราะไม่ได้ปิดบังอะไร แต่บางเรื่องมันไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เราจะมาพูด"
ตั้งแต่เข้าวงการ ริต้าเป็นนางเอกที่ดูจะมีข่าวเสียหายน้อยเป็นลำดับต้นๆ ซึ่งเธอยอมรับว่าไม่ค่อยติดตามอ่านข่าวสักเท่าไหร่ เพราะบางทีอ่านแล้วไม่สบายใจ เลยตัดปัญหาไม่อ่านซะเลยดีกว่า
ถามว่าข่าวที่ทำให้รู้สึกแย่สุดๆ ริต้าบอก "เยอะค่ะ คือมันไม่ได้แย่สุด แต่ข่าวที่เสนอไปมันไม่มีมูลความจริง ถามว่ามันแย่มากระทบทำให้ชีวิตริต้าเสียมั้ย มันไม่ใช่อย่างนั้น แค่ว่าพอมันไม่เป็นความจริง มันก็มีทำให้เราหงุดหงิด"
"แต่ริต้าเชื่อเสมอเลยนะว่าอะไรที่มันไม่จริงมันก็จะเงียบไปเอง แล้วมันก็เป็นแบบนั้นทุกครั้ง เพราะว่ามันต่อไม่ได้ มันก็ต้องเงียบไปเองค่ะ"
พักรัก-กระหายความสำเร็จ
หลังเลิกกับทายาทห้างดัง "เต้"บรม พิจารณ์จิตร แล้ว ก็ดูเหมือนสาวลูกครึ่งหุ่นดีหน้าสวย "ริต้า"ศรีริต้า เจนเซ่น จะมุ่งมั่นทำงาน ไม่เปิดโอกาสให้มีข่าวกับหนุ่มๆ
แต่แล้วก็ไปไม่รอด เมื่อมีข่าวฮือฮาและกำลังระอุ
แต่ที่ดูฮือฮาและกำลังระอุเห็นจะเป็น "ต่าย"ณัฐพล ลียะวณิช พระเอกหนุ่มที่ร่วมงานละครด้วยกัน
"กับพี่ต่ายเพื่อนเลยค่ะ เราเหมือนสนิทกันจากกองถ่ายคุยกันแล้วถูกคอ เขาคุยแล้วรู้สึกขำ หัวเราะได้ ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น" ดาราสาวกล่าว
แม้จะปฏิเสธไปหลายรอบ แต่ก็ดูเหมือนข่าวกับหนุ่มต่ายยังไม่หยุด แถมยังแรงขึ้นทุกที
"จริงๆ ก็ไม่ได้ซีเรียสกับข่าวหรอก แต่บางข่าวก็ไม่อยากให้มี อย่างเช่น เรื่องหอมแก้มกันในลิฟต์ เพราะริต้าเป็นผู้หญิงมันเสียหายนะ เราไม่ได้กระทำแบบนั้น มันไม่ใช่เราเลย แต่ก็เข้าใจ ริต้าอยู่ตรงนี้มาระยะหนึ่ง รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เรารู้จักตัวเองดี"
ยิงคำถามตรง ว่าจริงๆ ตอนนี้มีคนอื่นเข้ามาบ้างไหม นางเอกสาวให้คำตอบว่า "มีเข้ามา แต่ก็เข้ามาเป็นเพื่อน ริต้าไม่ได้ปิดโอกาสตัวเอง ใครเข้ามาเราก็คุยค่ะ คุยเป็นเพื่อน แต่บางคนที่เรารู้สึกว่าอยากจะศึกษาเราก็จะศึกษาเป็นพิเศษ บางคนเรารู้ว่าถ้ารู้สึกว่าเป็นเพื่อนก็คือเพื่อน ริต้ารู้ไงว่าเราต้องการคบกันแบบไหน"
"แต่ตอนนี้ริต้ายังไม่เจอแบบที่อยากจะศึกษาเป็นอย่างอื่น ถ้ามีก็คงบอกเพราะริต้าเป็นคนเปิดเผย ไม่ชอบแอบไปไหนหรือแอบทำอะไร ริต้ารู้สึกว่าชีวิตเรา เราก็อยากจะเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"
หลังเลิกกับหนุ่ม "เต้" ดูทิ้งช่วงโสดนานเนอะ ริต้ายิ้มรับ "ค่ะ เพราะที่ผ่านมาทำงานตลอดเลย ช่วงนี้ทำงานเต็มที่มาก เหมือนว่าเราอยากจะโฟกัสตรงนี้"
"วัยของริต้าตอนนี้คือความกระหาย ต้องใช้คำว่ากระหายเลยค่ะ กระหายความสำเร็จ กระหายความท้าทาย กระหายความสามารถ กระหายความรู้ ก็เลยทำให้ริต้ารู้สึกอยากจะทำงานให้เต็มที่ ก็เลยพักเรื่องนั้นมั้ย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าริต้าจะปิดใจตัวเอง"
ตอนที่คบกับหนุ่มเต้ ริต้ายอมรับว่าคบกันนาน เพราะกว่าจะเป็นแฟนก็ต้องเริ่มจากการเป็นเพื่อน พอเป็นแฟนแล้วไปกันไม่ได้ ก็ถอยความสัมพันธ์เป็นเพื่อนเหมือนเดิม เพราะรู้สึกสบายใจกว่า
"บางทีบางคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคู่ของเรา ริต้าเป็นคนเชื่อในเรื่องพรหมลิขิต เชื่อว่าวันหนึ่งริต้าจะได้เจอคนที่ใช่ เหมือนคนทั่วๆ ไป คบกันแต่งงานกันอยู่ด้วยกันจนชั่วนิรันดร์ แต่ ณ ตอนนี้ริต้าอยากทำงาน อยากประสบความสำเร็จ อยากจะทำสิ่งที่มีอยู่ตรงนี้ให้ออกมาดีที่สุดค่ะ"
วางแผนไหมว่าจะมีแฟนเมื่อไร ดาราสาวส่ายหัว "ไม่วางเลยค่ะ เรื่องแบบนี้ถ้าจะเจอมันก็เจอ ไม่ได้คิด ไม่ได้วาง ไม่ได้อะไร"
แล้วสเป๊กล่ะ "ก็แทบจะไม่มีสเป๊กด้วยซ้ำ แต่บางคนที่เราเจอแล้วถูกใจ คุยถูกคอ อยู่กับเขาแล้วมีความสุข สนุก ทำให้เราหัวเราะ ไลฟ์สไตล์และความคิดก็น่าที่จะคล้ายๆ เรานิดหนึ่งค่ะ"
ศรีริต้าเป็นดาราสาวคนหนึ่งที่มีข่าวกับหนุ่มๆ น้อยมากตั้งแต่เข้าวงการ ถามเรื่องการวางตัว เจ้าตัวบอกว่า "จริงๆ ก็ไม่ได้วางตัวอะไร แต่ถ้าใครเป็นเพื่อน ริต้าก็จะบอกเลยว่าคือเพื่อน ไม่มีอะไร เราไม่ได้ไปยุ่งกับใคร จริงๆ ก็ใช้ชีวิตปกติ เพียงแต่ว่าริต้าเป็นคนที่ชัดเจนค่ะ"
เพราะชัดเจน เลยยังไม่ชี้ชัดใครแฟน
ชื่อเล่น : ริต้า
ชื่อนามสกุล : ศรีริต้า เจนเซ่น
วัน/เดือน/ปีเกิด : 27 ต.ค. 2524
บิดา/มารดา : ไอวิท เจนเซ่น/ ศรีรัช ศิริบรรจง
พี่น้อง : มีพี่ชายคนเดียวชื่อ เสกสรร เจนเซ่น
การศึกษา : มัธยม ร.ร.บางกะปิ อุดมศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ขอบคุณข่าวจาก
"ริต้า"ไม่อยากดัง จุดหมายคือผลงาน - นสพ.ข่าวสด Apr 6, '09 9:57 AM
for everyone
"ริต้า"ไม่อยากดัง จุดหมายคือผลงาน
กลายเป็นสาวเนื้อหอม งานแสดงตอม สำหรับสาวลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก "ริต้า"ศรีริต้า เจนเซ่น ที่ขณะนี้กำลังมีผลงานละครเรื่อง "สุสานภูเตศวร" ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3
และยังมีงานละครเรื่อง "ปราสาทมืด" และ "มงกุฎแสงจันทร์" ที่กำลังถ่ายทำอยู่
แต่ถึงจะมีคิวงานแน่น เธอก็ยังเจียดเวลาในตอนพักกองมานั่งคุยกับเรา ในบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง
-มีอยู่ช่วงที่ริต้าเงียบหายไป?
ริต้า - "ตอนนั้นริต้ายังไม่แน่ใจว่าอยากทำตรงนี้ มันคืออาชีพที่เราคิดว่าทำเล่นๆ ตอนนั้นเด็กมากค่ะ แต่พอโตขึ้น รู้สึกว่าพอยิ่งทำมันยิ่งใช่ เริ่มสนุก มีความสุข มันเป็นสิ่งที่ค่อยๆ มาค่ะ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ค้นหาตัวเอง ค้นอยู่นานเลย เพราะช่วงนั้นริต้าบินไปเรียนต่างประเทศด้วย และมีงานต่างประเทศค่อนข้างเยอะ ได้ถ่ายโฆษณา ได้เล่นเอ็มวี ได้เดินแบบต่างประเทศ เรียกช่วงนั้นว่าไปหาประสบการณ์ พอเรียนจบก็มีความคิดชัดเจนมากขึ้น"
-ทำงานต่างประเทศมาเยอะ พอกลับมาทำงานเมืองไทยต่างกันไหม?
ริต้า - "แตกต่างอย่างแรกเลย คือวัฒนธรรมค่านิยม ความคิด คนไทยจะเซ้นซิทีฟมาก เริ่มจากที่นิสัยจะไม่เหมือนกัน ทำงานที่เมืองไทยมันค่อนข้างกดดันตัวเองในด้านที่มีชื่อเสียง คนจะคาดหวังว่าสิ่งที่เราทำจะต้องดีไปหมด จะต้องอยู่ตามมาตรฐานที่วางไว้ เหมือนเราถูกวางไว้แล้ว แต่ถ้าเราทำไม่ได้อย่างที่เขาต้องการ เขาก็อาจจะผิดหวังในตัวเรา อันนี้คือสิ่งหนึ่งที่ริต้าเห็นที่รู้สึกได้ ความมีชื่อเสียงมันวางกรอบให้เราโดยอัตโนมัติ"
"อย่างเมืองนอกเขาไม่รู้จักว่าเราเป็นใคร เขารอดูสิ่งที่เราทำ กับโจทย์ที่เขาให้แล้วเราทำกลับมาได้มากแค่ไหน เขามองแค่นั้น แต่อย่างเมืองไทยเขาให้โจทย์เรามา เขาได้วางบรรทัดฐานไว้แล้วว่ามันต้องเท่านี้ ตรงนี้มันก็ทำให้เรารู้สึกกดดัน ซึ่งมันยิ่งทำให้เราต้องทำการบ้านให้เยอะ ห้ามพลาด เพราะถ้าพลาดครั้งเดียวแล้วอาจโดนเหยียบซ้ำได้"
-ด้วยความที่มีชื่อเสียงเราต้องระวังตัวไหม?
ริต้า - "พ่อสอนอยู่เสมอว่ามีความสุขอะไรก็ทำไปเถอะ อย่าเอาความคิดคนอื่นมาตัดสินชีวิตเรา พ่อสอนริต้าแบบฝรั่ง ฝรั่งเวลาทำอะไรเขาจะไม่แคร์ ทำแล้วขอให้มีความสุข เพราะชีวิตมันสั้นมาก ไม่ต้องเอาคนอื่นมาเป็นบรรทัดฐานของเรา หรือว่าเอาคนอื่นมาตัดสินไลฟ์สไตล์ของเราว่าดีหรือไม่ดี ตัวเราเป็นคนตัดสินเอง"
"แต่ริต้าก็มีความเป็นไทยเยอะมาก เพราะคุณแม่เป็นคนไทย แล้วท่านจะสอนความเป็นกุลสตรีไทย ขนาดว่าริต้านั่งเอาขาพาดบนโซฟาที่บ้านเขาตีเลยนะ กินข้าวไม่หมด คุณแม่ก็จะนั่งเทศน์ยาวเลยค่ะ"
-ด้วยเหตุนี้ถึงจะเป็นลูกครึ่งแต่ก็มีความเป็นไทยเต็มร้อย?
ริต้า - "ใช่ค่ะ ริต้าเป็นคนที่มีวัฒนธรรมไทยสูงมาก สิ่งที่ริต้าทำอยู่ทุกวันนี้คือริต้าอยู่เมืองไทยก็พยายามเคารพความเชื่อของคนไทย ความเชื่อในเรื่องความดีงาม รักนวลสงวนตัว ถ่ายโป๊หรืออะไรอย่างนี้ เพราะคุณแม่ไม่ชอบเลย ตอนเด็กๆ ต้องถ่ายแบบกับนายแบบแล้วต้องกอดผู้ชาย แม่เห็นท่านก็ว่า อะไรพวกนี้มันทำให้ริต้ารู้สึกว่ามันไม่สมควร ไม่ถูกต้อง และมันทำให้ริต้ารู้ว่าคนไทยเขาคิดกันอย่างไร"
-เพราะอย่างนี้เลยไม่ค่อยเห็นริต้าแต่งตัวเซ็กซี่เวลาเดินแบบหรือถ่ายแฟชั่น ทั้งที่ริต้าเป็นนางแบบหรือเปล่า?
ริต้า - "เพราะริต้าไม่ใช่คนเซ็กซี่ แต่ก็มีบ้าง แต่ไม่เยอะ จริงๆ ตอนนี้ริต้าโตแล้วจะถ่ายก็ถ่ายได้ แต่บางทีอาย(หัวเราะ) เราไม่มั่นใจ ริต้าเป็นคนที่ไม่ถ่ายถ้าไม่จำเป็น อย่างชุดชั้นในของริต้า จำเป็นต้องถ่าย เพราะเราเป็นคนออกแบบ และเราก็อยากนำเสนอมัน แต่เราไม่จำเป็นต้องไปถ่ายเซ็กซี่หรือถ่ายหวือ เพราะเราไม่อยากจะเป็นเซ็กซี่สตาร์ เราอยากให้คนเห็นความสามารถของเรามากกว่าภาพโป๊ๆ หรือว่าเห็นหน้าอกเราประมาณนั้น อยากให้คนโฟกัสที่ผลงานมากกว่าดูที่หน้าอกว่าใหญ่ขนาดไหน"
-มีวิธีครองตัวให้อยู่ในวงการนี้ได้นานๆ อย่างไร?
ริต้า - "ริต้าว่าต้องตั้งใจทำงานค่ะ ริต้าไม่ใช่นักแสดงที่เก่งกาจอะไร แต่ริต้าพยายามทำให้มันดีที่สุดเต็มความสามารถ ริต้าอยากจะพัฒนาตัวเอง ริต้ามีข้อเสียเยอะนะคะ อย่างเรื่องเสียง เสียงริต้าง้องแง้ง ริต้าก็ต้องพยายามพัฒนาทุกอย่างที่มันเป็นจุดบกพร่องของเรา ริต้าว่าอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สังคมไทยสอนมาดีมากคือ การอ่อนน้อมถ่อมตน ตรงนี้สำคัญมาก ตรงต่อเวลาและก็ให้เกียรติคนที่เราทำงานด้วย"
-วางแผนชีวิตในวงการไว้อย่างไรบ้าง?
ริต้า - "ไม่ได้วางแผนเลย ริต้าเป็นคนที่ไม่ได้วางแผนกับอะไรเลยด้วยซ้ำ เป็นคนที่ไม่มีแผนการกับชีวิต ไม่ค่อยคิดถึงอนาคต ที่จะคิดก็คือคิดถึงปัจจุบัน วันนี้พรุ่งนี้ นั่นจึงเป็นข้อเสียของริต้า ริต้าจึงต้องมีคนมาจัดการเรื่องเวลา เรื่องงานให้ เพราะริต้าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีระบบระเบียบ มีความสุขที่จะทำอะไรก็ทำ บางช่วงจึงเห็นว่าริต้าหายไปเพราะอยากจะชาร์จแบตฯ ไปเติมพลัง ไปหาอะไรใหม่ๆ กลับมา ริต้าจะมีบ้านอีกหลังอยู่ที่เดนมาร์ก ริต้าชอบกลับไปมาก เพราะครอบครัวริต้าอยู่ที่โน่นเยอะ แล้วอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตริต้าก็อยู่ที่โน่น"
-เคยคิดเล่นๆ ไหมว่าสุดท้ายแล้วบั้นปลายชีวิตอยากจะอยู่ที่โน่นหรือเมืองไทย?
ริต้า - "ไม่ได้คิดค่ะ อย่างที่บอกริต้าไม่วางแผน ถามว่าตอนนี้ริต้าอยากกลับไปมั้ย ก็อยากกลับไปแค่ซัมเมอร์ แต่โฟกัสของริต้าก็ยังอยู่ที่งานอยู่ดี ก็คงจะกลับมาทำงานที่นี่ ริต้ารู้สึกว่าริต้าเป็นคนไทย อาจเป็นเพราะเพื่อนๆ ก็อยู่เมืองไทย คุณแม่ก็อยู่เมืองไทย"
-ดูริต้าเป็นคนที่มีชีวิตเรียบง่ายมากๆ
ริต้า - "ริต้าชอบชีวิตเรียบง่ายมากกว่า ถึงได้บอกว่าเราเลือกที่จะเป็นอย่างที่เราต้องการได้ อย่างบางคนเขาอยากให้ชีวิตมีอะไร เขาก็ทำของเขาได้ แต่ตัวริต้าชอบชีวิตที่เรียบง่าย สบายๆ ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก ปวดหัว"
-ถ้าพูดว่าอยากทำงานในวงการบันเทิง แต่ไม่อยากเป็นข่าวได้ไหม?
ริต้า - "ริต้าไม่ได้มองว่าไม่อยากเป็นข่าว แต่มองว่าไม่อยากดังมากกว่า ริต้าอยากจะทำงานตรงนี้ แต่ก็ไม่ได้อยากเป็นดาราดังอะไรอย่างนั้น จุดมุ่งหมายคืออยากให้คนชอบในผลงาน ยอมรับในความสามารถ อยากให้คนจดจำที่ผลงานค่ะ"
-อยากให้คนมองว่าเราเป็นนักแสดงมากกว่าดารา ถูกไหม?
ริต้า "ใช่ค่ะ แล้วริต้าก็อยากจะเป็นนักแสดงที่ดีด้วย ริต้าว่านักแสดงเป็นง่าย แต่นักแสดงที่ดีเป็นยาก"
หวงเรื่องส่วนตัว
แม้ช่วงวัยเด็กจะย้ายไปย้ายมาหลายประเทศ ด้วยคุณพ่อเป็นวิศวกร แต่ดาราสาว "ริต้า"ศรีริต้า เจนเซ่น ก็ผูกพันกับเมืองไทยมากกว่า
ตอนเล็กๆ ริต้าเป็นเด็กที่ซนแต่ไม่มาก ชอบเล่นกีฬาจนฟกช้ำกลับมาบ้านแทบทุกวัน
เรื่องเค้าความเป็นดาราไม่ต้องพูดถึง เธอไม่มี และไม่อยากเป็น
"ตอนเด็กๆ ริต้าไม่ได้อยากเป็นดารา ถือว่าฟลุกมากกว่า พอดีตอนนั้นไปเวิลด์เทรด เจอพี่โมเดลลิ่งเขาก็เข้ามาทักและขอถ่ายรูป เอารูปเราไปส่งที่โฆษณา ตอนนั้นอายุ 12-13 ริต้าก็ได้ไปแคสต์โฆษณา ครั้งแรกก็ได้เลย ไปเหมือนว่าอยากลองค่ะ"
หลังจากได้งานโฆษณาชิ้นแรกแล้ว ก็มีงานชิ้นต่อๆ ไป และมีงานอื่นๆ ตามมาแบบไม่คิดไม่ฝัน
"ตอนนั้นคิดว่าจะรับงานโฆษณาชิ้นเดียว ไม่คิดที่จะยึดอาชีพนี้ แต่ไปๆ มาๆ มีงานโน่นนี่นั่นติดต่อมาเรื่อยๆ เราไม่ได้อยากเป็นคนมีชื่อเสียงหรืออยากเป็นดารา แค่รู้สึกว่าหาเงินได้เองและซื้อในสิ่งที่อยากได้ ให้พ่อให้แม่ แต่คุณพ่อคุณแม่บอกว่าถึงอย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ"
พูดถึงพ่อแม่ ดูเหมือนว่าริต้าจะเป็นคนที่หวงเรื่องครอบครัว ไม่อยากให้ใครเข้าไปแตะ เจ้าตัวแย้ง
"ริต้าไม่ได้หวงเรื่องครอบครัวเลย ริต้าว่าริต้าหวงเรื่องส่วนตัวของริต้ามากกว่า คนที่มาทำงานตรงนี้ริต้าก็อยากให้คนมองแค่เรื่องงานของเรา เรื่องส่วนตัวก็ไม่อยากจะพูด เพราะพ่อแม่ท่านก็ไม่ได้มาเป็นดาราอย่างริต้าด้วย ฉะนั้นริต้าก็ต้องให้ความเป็นส่วนตัวกับท่านค่ะ บางทีแล้วเขาไม่อยากที่จะมาอยู่ตรงนี้"
ถึงจะไม่อยากให้ใครมาแตะเรื่องส่วนตัว แต่เธอก็ไม่พ้นมีข่าวคราว โดยเฉพาะเรื่องความรัก
แรกที่โดนถามเรื่องความรัก ริต้าบอกความรู้สึก "ไม่ชอบค่ะ บางทีเราก็ไม่ได้มีไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ถ้าเขาอยากรู้จริงๆ ก็สามารถตอบได้อยู่แล้ว เพราะไม่ได้ปิดบังอะไร แต่บางเรื่องมันไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เราจะมาพูด"
ตั้งแต่เข้าวงการ ริต้าเป็นนางเอกที่ดูจะมีข่าวเสียหายน้อยเป็นลำดับต้นๆ ซึ่งเธอยอมรับว่าไม่ค่อยติดตามอ่านข่าวสักเท่าไหร่ เพราะบางทีอ่านแล้วไม่สบายใจ เลยตัดปัญหาไม่อ่านซะเลยดีกว่า
ถามว่าข่าวที่ทำให้รู้สึกแย่สุดๆ ริต้าบอก "เยอะค่ะ คือมันไม่ได้แย่สุด แต่ข่าวที่เสนอไปมันไม่มีมูลความจริง ถามว่ามันแย่มากระทบทำให้ชีวิตริต้าเสียมั้ย มันไม่ใช่อย่างนั้น แค่ว่าพอมันไม่เป็นความจริง มันก็มีทำให้เราหงุดหงิด"
"แต่ริต้าเชื่อเสมอเลยนะว่าอะไรที่มันไม่จริงมันก็จะเงียบไปเอง แล้วมันก็เป็นแบบนั้นทุกครั้ง เพราะว่ามันต่อไม่ได้ มันก็ต้องเงียบไปเองค่ะ"
พักรัก-กระหายความสำเร็จ
หลังเลิกกับทายาทห้างดัง "เต้"บรม พิจารณ์จิตร แล้ว ก็ดูเหมือนสาวลูกครึ่งหุ่นดีหน้าสวย "ริต้า"ศรีริต้า เจนเซ่น จะมุ่งมั่นทำงาน ไม่เปิดโอกาสให้มีข่าวกับหนุ่มๆ
แต่แล้วก็ไปไม่รอด เมื่อมีข่าวฮือฮาและกำลังระอุ
แต่ที่ดูฮือฮาและกำลังระอุเห็นจะเป็น "ต่าย"ณัฐพล ลียะวณิช พระเอกหนุ่มที่ร่วมงานละครด้วยกัน
"กับพี่ต่ายเพื่อนเลยค่ะ เราเหมือนสนิทกันจากกองถ่ายคุยกันแล้วถูกคอ เขาคุยแล้วรู้สึกขำ หัวเราะได้ ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น" ดาราสาวกล่าว
แม้จะปฏิเสธไปหลายรอบ แต่ก็ดูเหมือนข่าวกับหนุ่มต่ายยังไม่หยุด แถมยังแรงขึ้นทุกที
"จริงๆ ก็ไม่ได้ซีเรียสกับข่าวหรอก แต่บางข่าวก็ไม่อยากให้มี อย่างเช่น เรื่องหอมแก้มกันในลิฟต์ เพราะริต้าเป็นผู้หญิงมันเสียหายนะ เราไม่ได้กระทำแบบนั้น มันไม่ใช่เราเลย แต่ก็เข้าใจ ริต้าอยู่ตรงนี้มาระยะหนึ่ง รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เรารู้จักตัวเองดี"
ยิงคำถามตรง ว่าจริงๆ ตอนนี้มีคนอื่นเข้ามาบ้างไหม นางเอกสาวให้คำตอบว่า "มีเข้ามา แต่ก็เข้ามาเป็นเพื่อน ริต้าไม่ได้ปิดโอกาสตัวเอง ใครเข้ามาเราก็คุยค่ะ คุยเป็นเพื่อน แต่บางคนที่เรารู้สึกว่าอยากจะศึกษาเราก็จะศึกษาเป็นพิเศษ บางคนเรารู้ว่าถ้ารู้สึกว่าเป็นเพื่อนก็คือเพื่อน ริต้ารู้ไงว่าเราต้องการคบกันแบบไหน"
"แต่ตอนนี้ริต้ายังไม่เจอแบบที่อยากจะศึกษาเป็นอย่างอื่น ถ้ามีก็คงบอกเพราะริต้าเป็นคนเปิดเผย ไม่ชอบแอบไปไหนหรือแอบทำอะไร ริต้ารู้สึกว่าชีวิตเรา เราก็อยากจะเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"
หลังเลิกกับหนุ่ม "เต้" ดูทิ้งช่วงโสดนานเนอะ ริต้ายิ้มรับ "ค่ะ เพราะที่ผ่านมาทำงานตลอดเลย ช่วงนี้ทำงานเต็มที่มาก เหมือนว่าเราอยากจะโฟกัสตรงนี้"
"วัยของริต้าตอนนี้คือความกระหาย ต้องใช้คำว่ากระหายเลยค่ะ กระหายความสำเร็จ กระหายความท้าทาย กระหายความสามารถ กระหายความรู้ ก็เลยทำให้ริต้ารู้สึกอยากจะทำงานให้เต็มที่ ก็เลยพักเรื่องนั้นมั้ย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าริต้าจะปิดใจตัวเอง"
ตอนที่คบกับหนุ่มเต้ ริต้ายอมรับว่าคบกันนาน เพราะกว่าจะเป็นแฟนก็ต้องเริ่มจากการเป็นเพื่อน พอเป็นแฟนแล้วไปกันไม่ได้ ก็ถอยความสัมพันธ์เป็นเพื่อนเหมือนเดิม เพราะรู้สึกสบายใจกว่า
"บางทีบางคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคู่ของเรา ริต้าเป็นคนเชื่อในเรื่องพรหมลิขิต เชื่อว่าวันหนึ่งริต้าจะได้เจอคนที่ใช่ เหมือนคนทั่วๆ ไป คบกันแต่งงานกันอยู่ด้วยกันจนชั่วนิรันดร์ แต่ ณ ตอนนี้ริต้าอยากทำงาน อยากประสบความสำเร็จ อยากจะทำสิ่งที่มีอยู่ตรงนี้ให้ออกมาดีที่สุดค่ะ"
วางแผนไหมว่าจะมีแฟนเมื่อไร ดาราสาวส่ายหัว "ไม่วางเลยค่ะ เรื่องแบบนี้ถ้าจะเจอมันก็เจอ ไม่ได้คิด ไม่ได้วาง ไม่ได้อะไร"
แล้วสเป๊กล่ะ "ก็แทบจะไม่มีสเป๊กด้วยซ้ำ แต่บางคนที่เราเจอแล้วถูกใจ คุยถูกคอ อยู่กับเขาแล้วมีความสุข สนุก ทำให้เราหัวเราะ ไลฟ์สไตล์และความคิดก็น่าที่จะคล้ายๆ เรานิดหนึ่งค่ะ"
ศรีริต้าเป็นดาราสาวคนหนึ่งที่มีข่าวกับหนุ่มๆ น้อยมากตั้งแต่เข้าวงการ ถามเรื่องการวางตัว เจ้าตัวบอกว่า "จริงๆ ก็ไม่ได้วางตัวอะไร แต่ถ้าใครเป็นเพื่อน ริต้าก็จะบอกเลยว่าคือเพื่อน ไม่มีอะไร เราไม่ได้ไปยุ่งกับใคร จริงๆ ก็ใช้ชีวิตปกติ เพียงแต่ว่าริต้าเป็นคนที่ชัดเจนค่ะ"
เพราะชัดเจน เลยยังไม่ชี้ชัดใครแฟน
ชื่อเล่น : ริต้า
ชื่อนามสกุล : ศรีริต้า เจนเซ่น
วัน/เดือน/ปีเกิด : 27 ต.ค. 2524
บิดา/มารดา : ไอวิท เจนเซ่น/ ศรีรัช ศิริบรรจง
พี่น้อง : มีพี่ชายคนเดียวชื่อ เสกสรร เจนเซ่น
การศึกษา : มัธยม ร.ร.บางกะปิ อุดมศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ขอบคุณข่าวจาก